ลุยสวนฝรั่งบ้านแพ้ว…อยู่กับฝรั่งเดือนเดียวมีรายได้มากกว่าทำงานบริษัททั้งปี

เกษตรก้าวไกลดอทคอม ลุยสวนฝรั่งกิมจู…
ครอบครัวฝรั่งกิมจู
รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ
ฝรั่งที่นี่ดูแลเอาใจใส่อย่างดี

เรื่องจริงไปพิสูจน์มาแล้ว …ความเดิมก็คือว่าได้อ่านข้อเขียนของคุณหนึ่งฤทัย แพรสีทอง จากนิตยสารรักษ์เกษตรได้เขียนเรื่องราวของคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จในการปลูกฝรั่งพันธุ์กิมจู
ก็ทำให้เกิดความสนใจ ยิ่งแปลงปลูกอยู่อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร
ดินแดนที่ขึ้นชื่อเรื่องการปลูกไม้ผลหลายชนิด
ก็ยิ่งทำให้ต้องรีบไปดูในทันที…อีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนก็คือว่า
ฝรั่งกิมจูสวนนี้ได้รับรางวัลทั้งชนะเลิศ รองชนะเลิศ
ในการประกวดฝรั่งกิมจูงานเกษตรแฟร์ประจำปี 59 สดๆร้อนๆเลยละ
เธอเป็นใครมาจากไหนและทำไมต้องมาปลูกฝรั่ง? “หลังจากเรียนจบปริญญาตรี
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ก็เข้าทำงานบริษัทในเมืองได้ไม่นานนัก
ก็ลาออกมาช่วยพ่อแม่ทำสวน ซึ่งที่บ้านทำสวนกว่า 30 ไร่
พืชหลักที่ปลูกก็คือมะม่วง แซมด้วยชมพู่ และฝรั่ง
แต่หลังจากที่ได้มาลองทำเองก็เห็นได้ว่าพืชที่ปลูกทั้งหมด
ฝรั่งน่าสนใจที่สุด เพราะมะม่วงที่ทำมานานนั้นพื้นที่ 30 ไร่ มีรายได้เพียงปีละ 2-3 แสนบาทเท่านั้น เพราะเป็นมะม่วงพันธุ์ทั่วไปที่เน้นขายป้อนตลาดขายส่ง ขณะที่ฝรั่งสามารถให้ผลผลิตเร็ว เพียง 8 เดือนก็จะสามารถตัดลูกชุดแรกได้แล้ว
อีกทั้งผลตอบแทนก็สูง
จึงตัดสินใจเปลี่ยนพื้นที่สวนที่ปลูกพืชหลายอย่างมาเน้นหนักฝรั่งและปลูกฝรั่งมาตลอด”
ฝรั่ง 10 ไร่ ทำเงินล้าน/ต่อปี จึงขยายเป็น 24 ไร่
ชาวสวนหลายคนที่ทำสวนฝรั่งอาจไม่ได้เก็บข้อมูลตัวเลขการลงทุนและรายได้
แต่คุณวราภรณ์เก็บข้อมูลไว้หมด
ซึ่งทำให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนของการทำสวนฝรั่งได้เป็นอย่างดี เธอบอกว่า
ฝรั่งเป็นพืชที่ให้ผลผลิตเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปีเลยทีเดียว
โดยจะมีผลผลิตชุดใหญ่ๆอยู่ประมาณ 3 ชุดต่อปี
อย่างชุดตรุษจีนที่ผ่านมาซึ่งเป็นชุดใหญ่ พื้นที่ 10 ไร่
สามารถเก็บเกี่ยวได้มากถึง 44,000 กก. ในช่วงเวลาการเก็บ 5-6
วัน(หมดชุด)ราคาช่วงนั้น 25-35 บาท/กก. ชุดเดียวทำเงินไปเฉียด 1
ล้านบาทเลยทีเดียว โดยฝรั่ง 10 ไร่จะลงทุนต่อ 1 ชุดเพียงแสนกว่าบาทเท่านั้น
“คิดว่าตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกเป็นชาวสวน
เพราะรายได้จากการปลูกฝรั่งเพียงเดือนเดียวมันมากกว่ารายได้ที่ทำงานบริษัททั้งปีซะอีก…สุดท้ายได้ขยายพื้นที่ปลูกฝรั่งถึง 24 ไร่ จากทั้งหมด 30 ไร่ ที่เหลือก็แบ่งไปปลูกพืชอย่างอื่นนิดหน่อย”
วางแผนการผลิตให้ตรงกับช่วงแพง
แปลงปลูกฝรั่งของคุณวราภรณ์จะมีอยู่
2 แปลง แปลงหนึ่ง 14 ไร่ อีกแปลง 10 ไร่ เธอบอกว่า
พืชทุกชนิดจะมีช่วงราคาถูก แพงในรอบปี ฝรั่งก็เช่นเดียวกัน
มักจะมีราคาถูกในช่วงหน้าร้อนต่อต้นฝนหรือเดือน มี.ค.-มิ.ย.
ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลใหญ่ของผลไม้บ้านเรา
เป็นที่รู้กันว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่มะม่วง เงาะ ทุเรียน มังคุดบุกตลาด
เมื่อนั้นผลไม้ชนิดอื่นแทบหมดความสำคัญ
และช่วงนั้นจะเป็นช่วงราคาตกต่ำของผลไม้
ถ้าไม่อยากเสี่ยงกับราคาช่วงนี้ก็หลีกเลี่ยงที่จะให้มีผลผลิตเก็บขายได้ช่วงนี้
ดังนั้นช่วงนี้คุณวราภรณ์จะไม่ห่อผลฝรั่งเลย
เพราะว่าราคาฝรั่งจะไม่ไกลไปกว่า 10 บาท/กก. (ราคาหน้าสวน)
ส่วนช่วงที่ฝรั่งมักมีราคาแพงจะเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีผลไม้ชนิดไหนออกสู่ตลาดอย่างช่วงเดือน
ส.ค.-ต.ค. ช่วงนั้นราคาฝรั่งจะสูงถึง 30-40 บาท/กก. (หน้าสวน)
กับอีกช่วงคือ ม.ค.-ก.พ.ซึ่งมีเทศกาลต่างๆมาก
การวางแผนจะให้ฝรั่งเก็บได้ช่วงไหนก็นับย้อนไป 5
เดือนแล้วโน้มกิ่งให้ฝรั่งแตกยอดใหม่เพื่อที่จะให้ผลผลิต หรือนับจากห่อผลก็
3 เดือนสามารถเก็บเกี่ยวได้
เทคนิคการดูแลสวนฝรั่งเพื่อให้ได้ผลผลิตคุณภาพ
คุณวราภรณ์เล่าถึงการดูแลฝรั่งที่สวนว่า
ฝรั่ง 1 ไร่ สามารถปลูกได้ 150-200 ต้น ขึ้นกับสภาพพื้นที่ปลูก
และระยะปลูก ที่ปลูกเป็นแบบยกร่อง เนื่องจากเป็นเขตที่ลุ่ม ขนาดร่อง 2 เมตร
บนร่องปลูก 2 แถว แบบสลับฟันปลา ระยะปลูกประมาณ 1.5 เมตร
ฝรั่งจะเริ่มเก็บได้เมื่ออายุ 8 เดือนหลังปลูก โดยในรอบ 1 ปี จะทำชุดใหญ่ 3
ชุด โดยชุดที่จะมีราคาแพงที่สุดจะเป็นชุดที่เก็บเกี่ยวเดือน ส.ค.-ก.ย.
ซึ่งเป็นฝรั่งที่จะต้องโน้มกิ่งในช่วงต้นเดือนมีนาคม การโน้มกิ่งฝรั่งจะทำให้ฝรั่งแตกยอดพร้อมกับออกดอกบนกิ่งที่โน้ม โดยจะโน้มกิ่งให้ราบขนานกับพื้นแล้วผูกมัดกิ่งกับหลักไม้ไผ่
พร้อมกับตัดปลายกิ่งเพื่อหยุดการแตกยอดหรือหยุดการเจริญเติบโตของยอดหรือที่ชาวสวนเรียกการหักยอด
หรือขลิบยอด ซึ่งฝรั่งจะติดดกหรือไม่นั้นก็ขึ้นกับความสมบูรณ์ของต้น
“หลักการของเราคือต้องดูแลให้ฝรั่งมีต้นสมบูรณ์ตลอดทั้งปี โดยหลังจากโน้มกิ่งแล้วจะใส่ปุ๋ย 25-7-7 พื้นที่ 10 ไร่ ใส่ประมาณ 3 กระสอบ หลังจากนั้นอีก 15 วัน ใส่ 16-16-16 อัตราเดิม
เมื่อผลโตขนาดเท่าผลส้มจะเปลี่ยนมาใส่ขี้ค้างคาวอัดเม็ดและปุ๋ยอินทรีย์เคมีอัดเม็ดที่มีธาตุอาหารแคลเซียม
แมกนีเซียมเป็นส่วนประกอบ(ไบโอฟีด ของ เคโมคราฟ) ซึ่งจะทำให้ฝรั่งผิวสวย
ฝรั่งผิวออกขาว ไม่เขียวและรสชาติหวาน กรอบ เนื้อฟู
ทางใบพ่นน้ำส้มควันไม้อย่างต่อเนื่องทุก 7-10 วัน เพื่อช่วยในด้านการเจริญเติบโต ความสมบูรณ์ของต้นและยังช่วยป้องกันแมลงอีกด้วย”
นอกจากนี้จะต้องพ่นแคลเซียม-โบรอนไม่ให้ขาด
จะช่วยทั้งเรื่องเพิ่มความสมบูรณ์ของดอก เพิ่มการติดผลดก ขั้วเหนียว ผลกรอบ
รสชาติหวาน
และช่วงใกล้เก็บเกี่ยวเสริมน้ำตาลทางด่วนเพื่อเพิ่มรสชาติช่วยอีกแรง
นอกจากนี้จะมีการใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อช่วยปรับสภาพโครงสร้างดินเป็นระยะๆ
ปีละ 3 ครั้ง การพ่นสารเคมีกำจัดโรค-แมลง จะพ่นหนักหน่อยในช่วงก่อนห่อผล 7
วันหลัง แต่หลังห่อผลแล้วก็จะพ่นห่างหน่อย สารเคมีที่ใช้ก็จะเป็นยาพื้นๆ
อย่างคลอร์ไพรีฟอส ไซเปอร์เมทริน เมโทมิล
สารกำจัดเชื้อราก็ใช้เพียงแมนโคเซ็บ คาร์เบนดาซิม
นอกจากว่าเจอโรค-แมลงที่หนักๆ จึงจะใช้ยาที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
แต่ที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไรรุนแรง ส่วนการให้น้ำจะให้ 2 วันครั้ง
ช่วงร้อนๆอย่างนี้จะให้น้ำทุกวัน…
การห่อผลเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จำเป็นมากๆ “เมื่อผลขนาดเท่าเหรียญ 10 บาท
จะห่อผลเพื่อป้องกันแมลงวันทองโดยใช้ถุงพลาสติกที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันแมลงวันทองโดยเฉพาะ
แล้วห่อทับด้วยกระดาษอีกชั้นเพื่อให้ผิวสวย…. ฝรั่ง 1 ต้น จะห่อไม่เกิน 100 ลูก ถ้าเลือกไว้ผลมากเกินไป จะทำให้ผลมีขนาดเล็กได้”
เรื่องแรงงานก็เป็นเรื่องสำคัญ เห็นกำลังตัดและคัดฝรั่งอยู่หลายคน “ฝรั่งเป็นพืชที่ต้องใช้แรงงานเยอะอยู่
3 ช่วง คือ ช่วงโน้มกิ่ง จะหนักหน่อยก็ช่วงห่อ ฝรั่ง 10 ไร่
วันหนึ่งต้องห่อ 7-8 คน และต้องห่อ 2-3 วันจึงจะเสร็จ
ถ้าให้เสร็จวันเดียวต้องจ้างมากถึง 20-25 คน
และต้องเป็นแรงงานที่มีความชำนาญด้วย อีกช่วงคือ ช่วงเก็บฝรั่งก็ใช้ 4-5
คน”
ฝรั่งมีอายุ 5-6 ปี ก็จะรื้อแปลงปลูกใหม่
ฝรั่งที่ปลูกจะมีอายุการเก็บเกี่ยวผลผลิตประมาณ
5 ปี ต้นก็จะเริ่มโทรมการให้ผลผลิตก็จะสู้ต้นสาวๆ หรือต้นอายุน้อยๆไม่ได้
ประกอบกับหลายสวนมีปัญหาฝรั่งตายต้นจากไส้เดือนฝอย แต่ที่สวนยังไม่มีปัญหา
เราจะต้องปรับปรุงดินให้สมบูรณ์ ร่วนซุย
ไม่มีความเป็นกรดมากเกินไปก็จะช่วยลดความรุนแรงของการระบาดลงไปได้
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาจึงทำให้ชาวสวนฝรั่งมักจะรื้อแปลงปลูกใหม่เมื่อฝรั่งอายุ
5-6 ปี จึงทำให้เราเห็นแปลงฝรั่งแปลงใหม่ๆเกิดขึ้นอยู่ตลอดในพื้นที่เขตนี้
ฝรั่งที่ปลูกใหม่จะใช้กิ่งตอนที่เลือกตอนจากกิ่งกระโดงที่สมบูรณ์
โดยที่สวนของคุณวราภรณ์ได้ทำกิ่งพันธุ์ขายด้วย
(แต่ช่วงนี้กิ่งฝรั่งขาดแคลน ต้องสั่งจองล่วงหน้า)
ราคากิ่งพันธุ์ที่จำหน่าย 12 บาท/กิ่ง กรณีพื้นที่ปลูก 1 ไร่ ประมาณ
150-200 ต้น ซึ่งลงทุนเพียง 2,000 กว่าบาทต่อไร่
ถือว่าไม่สูงเลยเมื่อเทียบกับพืชอย่างอื่น
อีกทั้งยังมีต้นทุนในการดูแลไม่มาก แต่ผลตอบแทนสูงมาก
ชาวสวนเขตนี้จึงยังปักหลักปลูกฝรั่งมาตลอดหลายสิบปี ยิ่งช่วง 4-5
ปีมานี้ราคาฝรั่งดีมาก ทำให้คนที่เคยปลูกพืชอื่นหันมาปลูกฝรั่งกันมากขึ้น
และแพร่กระจายไปในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าราคาฝรั่งอาจจะตกลงมาบ้าง
แต่เมื่อสรุปสุดท้ายก็ยังดีกว่าพืชหรือไม้ผลตัวอื่นๆ
เพราะฝรั่งยังแปรรูปได้และเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง
เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพนั่นเอง
ขอบคุณ : ข้อมูลเดิมจากกลุ่มเกษตรก้าวใหม่ new โดย Rakkaset Nungruethail (คุณหนึ่งฤทัย แพรสีทอง) บรรณาธิการ นิตยสารรักษ์เกษตร
หมายเหตุ : สวนฝรั่งคุณวราภรณ์ ขุนพิทักษ์ โทร. 087 9981131
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น